นักเขียนย่อให้
“กฎหมายคริปโตในไทย” ฉบับอัปเดตล่าสุด โดยเฉพาะ “กฎหมายใหม่” ที่เขย่าวงการ ที่ให้รัฐฯ มีอำนาจจัดการแพลตฟอร์มเถื่อน และบัญชีม้าเด็ดขาดขึ้น จน Binance ต้องปิด P2P เงินบาท
แต่ก็ยังมีข่าวดี ว่าเทรดผ่าน Exchange ที่ ก.ล.ต. รับรอง ได้ยกเว้นหัก ณ ที่จ่าย 15% และ VAT ขาดทุนหักลบกำไรในปีเดียวกันได้ แต่กำไรยังต้องเสียภาษีเงินได้ ส่วนด้านกฎคุมโฆษณาคริปโตก็เป๊ะขึ้น NFT ยังดูเป็นเคสๆ DeFi ก็ยังเบลอๆ แต่ขุดเหมืองถ้าไม่ขโมยไฟก็ไม่ผิด แล้วรัฐบาลก็เตรียมออก “G-Token” แล้วด้วย
สินทรัพย์ดิจิทัล คืออะไร?
ตามกฏหมายไทย แยกคำว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” เป็น 2 ประเภท
ก่อนอื่นเลย “สินทรัพย์ดิจิทัล” ตามกฎหมายไทยแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ “คริปโทเคอร์เรนซี” กับ “โทเคนดิจิทัล” อันนี้ต้องจำให้ขึ้นใจ!
- คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ บอกว่ามันคือ หน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือแลกสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกันเอง พูดง่ายๆ ก็คือ เงินดิจิทัลที่เราซื้อขายกัน เช่น Bitcoin, Litecoin, XRP, Dogecoin พวกนี้ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรผูกติดโดยตรง ไม่เหมือนหุ้นที่ได้ปันผล
- โทเคนดิจิทัล (Digital Tokens) อันนี้มันมีอะไรมากกว่าแค่เหรียญแลกของ มันคือ “สิทธิที่มองไม่เห็น แต่ดันมีค่า” พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ชื่อก็บอกอยู่ คือให้สิทธิเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการต่างๆ ฟีลเหมือนซื้อหุ้น หวังรวยจากโปรเจกต์นั้นๆ เช่น ได้ส่วนแบ่งกำไร หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ พวกเหรียญส่วนใหญ่ก็มักจะเข้าข่ายนี้ เช่น Cardano (ADA), Solana (SOL)
- โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ให้สิทธิในการได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิทธิพิเศษเฉพาะเจาะจง เหมือนส่วนลด หรือบัตร VIP มี 2 แบบคือ
- พร้อมใช้: สินค้าหรือบริการพร้อมให้ใช้ได้ทันที
- ไม่พร้อมใช้: คนขายต้องเอาเงินไปพัฒนาโครงการให้เสร็จก่อน ถึงจะให้สิทธิประโยชน์ได้ อารมณ์เหมือนจ่ายดาวน์รถสปอร์ตที่ยังเป็นแค่ภาพสเก็ตช์ แต่ยังประกอบไม่เสร็จ
เหรียญไหนที่ “เข้าข่าย” โทเคนดิจิทัล?
เหรียญส่วนใหญ่มักมีสิทธิ์เข้าข่ายเป็น “โทเค็นดิจิทัล”
ส่วนใหญ่เราจะคุ้นว่า Altcoin คือ “คริปโทเคอร์เรนซี” แต่ประเด็นมันอยู่ที่ “สิทธิ” ที่ผูกติดมากับเหรียญ ต้องดูเป็นรายตัวไป แต่ตัวอย่างที่อาจทำให้ Altcoin ถูกมองเป็นโทเคนได้ เช่น
- เหรียญของ Exchange (Exchange Tokens) เช่น BNB (Binance Coin), KUB (Bitkub Coin) มักมี Utility ในระบบนิเวศของ Exchange เช่น ลดค่าธรรมเนียม หรือเข้าร่วม Launchpad อันนี้เอนเอียงไปทาง Utility Token ชัดเจน
- เหรียญของโปรเจกต์ DeFi (DeFi Tokens) โปรเจกต์ DeFi หลายตัวมี Governance Token หรือ Utility Token ให้สิทธิผู้ถือในการโหวต หรือใช้ประโยชน์ในแพลตฟอร์ม เช่น UNI (Uniswap), AAVE (Aave) ถ้าให้ส่วนแบ่งรายได้จากแพลตฟอร์ม ก็อาจจะถูกมองไปถึง Investment Token ได้เลย
- เหรียญที่มีการ Staking แล้วได้ผลตอบแทนจากการดำเนินงานของเครือข่าย: ถ้าการ Staking ให้ผลตอบแทนที่มาจาก “การร่วมลงทุน” หรือให้ “สิทธิ” ได้รับส่วนแบ่งรายได้ ก็อาจมีลักษณะของ Investment Token ได้ ตรงนี้ Staking ของ Ethereum ก็ยังคลุมเครือ
เปิดตำนาน “กฎหมายคริปโตในไทย” พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ เขียนไว้ยังไง?
จุดประสงค์หลักของจุดเริ่มต้น พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ
กฎหมายหลักคือ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 หรือ “พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ” ที่ออกมาเพื่อจัดระเบียบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย เป้าหมายหลักๆ คือ
- ควบคุมผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
- คุ้มครองรายย่อย ป้องกันการถูกหลอก
- ป้องกันการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
- รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและเศรษฐกิจ เนื้อหาครอบคลุมคำจำกัดความ การอนุญาตธุรกิจ การคุม ICO ข้อห้าม และบทลงโทษ
อัปเดตใหญ่! พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และผลกระทบ
กฏหมายใหม่ แรงขึ้น ลงลึกมากขึ้น
มีผลบังคับใช้ 13 เมษายน 2568 พ่วงมากับ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2568 โดยความร่วมมือของ ก.ล.ต., ธปท., และกระทรวง DE เหตุผลหลักคือ ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้คริปโตโยกย้ายเงิน
ข้อเปลี่ยนแปลงสำคัญของกฎหมายใหม่ (พ.ร.ก. ฉบับที่ 2) ที่ต้องรู้!
- แพลตฟอร์มต่างประเทศ งานเข้า ถ้ามีเว็บไซต์ภาษาไทย, ใช้โดเมน “.th”, หรือรับเงินบาท จะถูกถือว่าเป็นผู้ให้บริการในไทย และต้องขออนุญาตจาก ก.ล.ต. ก.ล.ต. และ DE มีอำนาจสั่งปิดกั้นแพลตฟอร์มเถื่อนได้ด้วย
- บัญชีม้า (Mule Accounts) โทษหนักจริง เพิ่มโทษเจ้าของบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การซื้อขาย P2P ผ่านแพลตฟอร์มเถื่อน = ผิดกฎหมายชัดเจน การซื้อขาย P2P ผ่านแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. เข้าข่ายผิดกฎหมาย นี่คือเหตุผลที่ Binance Global ระงับ P2P เงินบาทไทย (THB) ตั้งแต่ 7 พ.ค. 2568
- ธนาคารและผู้ให้บริการโทรศัพท์ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน ต้องมีส่วนร่วมตรวจสอบธุรกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์มากขึ้น
การออกมาตรการเข้มๆ นี้ ชี้ว่าทางการไทยมองเห็นความเสี่ยงที่คริปโตถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด และเน้น “ปิดช่องโหว่” และ “เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้” การทำตามมาตรฐานสากลยังช่วยป้องกันไม่ให้ไทยกลายเป็นสวรรค์ของพวกฟอกเงินด้วย
กฏหมายเอาจริงเอาจัง มันสำคัญต่อหน้าตาและความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก
ผู้คุมกฎคริปโตในไทย ใครทำอะไรกันบ้าง?
มี 4 หน่วยงานหลัก (แก๊งค์ 4 จตุรเทพ) ที่คอยดูแลกฎหมายคริปโตในไทย และกฎหมายใหม่เน้นการทำงานร่วมกันมากขึ้น
หน่วยงาน | บทบาทหลัก | ตัวอย่างอำนาจหน้าที่ |
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) | พี่ใหญ่ตัวจริง คุมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง สั่งซ้ายหันขวาหันได้หมด | ออกใบอนุญาต, คุม Exchange, Broker, ผู้ค้า, คุมการขาย ICO, กำหนดกฎโฆษณา (ไม่ให้โม้เกินเบอร์), ตรวจสอบพวกทำตัวไม่ดี |
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) | ผู้พิทักษ์เสถียรภาพระบบการเงิน | คอยดูไม่ให้การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลทำระบบการเงินพัง, คุมแบงก์ที่มายุ่งกับคริปโต, ดูความเหมาะสมเรื่องการเอาคริปโตไปซื้อข้าวกิน (การใช้แทนเงิน) |
กรมสรรพากร | เจ้าพ่อเรื่องภาษี ได้กำไร ต้องจ่ายภาษีนะจ้ะ | กำหนดว่าต้องจ่ายภาษีจากกำไรคริปโตยังไง |
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) | หน่วยสกัดเงินสกปรก อย่าคิดว่าจะเอาคริปโตไปฟอกเงินง่ายๆ | สั่งให้พวกทำธุรกิจคริปโตต้องมีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน (AML) เช่น ต้องรู้จักลูกค้า (KYC) |
อยากทำธุรกิจคริปโตในไทย ต้องมีใบอนุญาต ไม่งั้นคุก!
อยากทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องขอใบอนุญาต
การทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท ต้องขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ผ่าน ก.ล.ต.) ก่อน ไม่งั้นเตรียมตัวนอนคุก!
ประเภทธุรกิจที่ต้องมีใบอนุญาต ใครบ้างที่ต้องขอ?
- ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchanges)
- นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Brokers)
- ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Dealers)
- ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Advisors)
- ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Managers)
- ผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Custodian)
- ผู้ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Issuer)
- ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portals)
พวกที่ทำธุรกิจนี้อยู่ก่อน พ.ร.ก. นี้ออก ก็ต้องรีบไปยื่นขออนุญาตภายใน 90 วัน
ไม่งั้นเถื่อนทันที!
สิ่งต้องห้าม! กฎหมายคริปโต ห้ามอะไรบ้าง?
ข้อห้ามหลักๆ ของกฏหมายคริปโตในไทย
- ใช้คริปโตจ่ายตลาดได้ไหม? ธปท. กับ ก.ล.ต. ยังไม่อยากให้เอาสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้จ่ายทั่วไป กลัวกระทบเสถียรภาพระบบการเงิน สรุปคือ คริปโตในไทยยังเป็นสินทรัพย์ไว้เก็งกำไร ไม่ใช่ “เงินตรา”
- เปิดแพลตฟอร์มเถื่อน = นอนคุก ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่มีใบอนุญาตผิดกฎหมายร้ายแรง ก.ล.ต. ขยันไล่จับ โดยเฉพาะพวกจากต่างประเทศที่พยายามให้บริการคนไทย ถ้าเว็บเป็นภาษาไทย ใช้โดเมน “.th” หรือรับเงินบาท ระวัง! กฎหมายใหม่ให้ปิดกั้นได้เร็วขึ้นด้วย
- ปั่นราคา สร้างข่าวลวง เจอดีแน่ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีบทลงโทษพวกชอบปั่นราคา หรือปล่อยข่าวปลอม เช่น สร้างปริมาณซื้อขายปลอม หรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อให้มีผลต่อราคา
- ไม่ทำตามกฎ AML/CFT ซวย พวกที่ได้ใบอนุญาตต้องทำตามกฎหมายฟอกเงิน (AML) และต่อต้านการสนับสนุนผู้ก่อการร้าย (CFT) อย่างเคร่งครัด ไม่งั้นโดน ปปง. สอบสวน
โฆษณาคริปโตยุคใหม่ ก.ล.ต. สั่งคุมเข้ม!
หลักเกณฑ์การโฆษณา
ก.ล.ต. ยกระดับความเข้มข้นด้วยประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ สธ. 10/2568 (มีผล 16 เม.ย. 2568) กำหนดรายละเอียด “คำเตือนความเสี่ยง” ที่ต้องโชว์ในโฆษณาทุกรูปแบบให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่หากใช้คำเตือนตามประกาศ สธ. 22/2565 (ฉบับเดิม) และเผยแพร่ก่อน 16 เม.ย. 2568 ยังใช้ต่อไปได้
แพลตฟอร์มเถื่อน ดูยังไง ใครได้รับอนุญาต?
ใช้บริการแพลตฟอร์มที่ไม่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. โคตรเสี่ยง! ถ้าเกิดปัญหา การจะเอากฎหมายไทยมาคุ้มครองนั้นยากมาก
วิธีตรวจสอบ เข้าไปดู รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาต บนเว็บ ก.ล.ต. ถ้าไม่มีชื่อ… ก็คือเถื่อน! ก.ล.ต. เคยไล่เชือดแพลตฟอร์มเถื่อนอย่าง OKX กับ XT.COM มาแล้ว
ภาษีคริปโต เรื่องไม่ลับที่นักเทรดต้องรู้ (ไม่งั้นอาจมีจุก!)
- กำไรจากคริปโตต้องเสียภาษีไหม?
- “เสียจ้ะ” ผลประโยชน์หรือกำไรที่ได้จากการโอนคริปโทฯ หรือโทเคนดิจิทัล ที่ตีเป็นเงินแล้วเกินกว่าที่ลงทุนไป ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ฌ) แห่งประมวลรัษฎากร ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ผลตอบแทนจากการถือเหรียญ เช่น Staking หรือรางวัลจากการถือโทเคน (เช่น NFT) ก็อาจเป็นเงินได้ประเภท 40(4)(ซ) หรือ 40(8) แม้ยังไม่ถอนกำไรเป็นเงินบาท แต่ถ้าขายหรือแลกเปลี่ยนแล้วเกิดกำไรในระบบ ก็ถือว่ามีเงินได้แล้ว!
- หัก ณ ที่จ่าย 15% คืออะไร? ยังมีอยู่ไหม?
- ข่าวดี (หน่อยๆ) คือ ปัจจุบัน ธุรกรรมที่ทำผ่าน Exchange ที่อยู่ใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ในไทย ได้รับการ ยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
- แต่! นี่แค่ยกเว้น “การหัก ณ ที่จ่าย” ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรนั้นเลยนะ ยังต้องเอากำไรไปรวมคำนวณยื่นภาษีประจำปีอยู่ดี
- เทรดคริปโต ต้องจ่าย VAT ไหม?
- ข่าวดีอีกดอก! ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ก็ได้รับการ ยกเว้น สำหรับการโอนคริปโทฯ หรือโทเคนดิจิทัลที่ทำใน Exchange ที่ ก.ล.ต. รับรอง
- รวมถึงการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ ธปท. ออกมา (เช่น Retail CBDC) การยกเว้นนี้ขยายเวลาต่อไปอีกสำหรับธุรกรรมผ่านผู้ได้รับอนุญาต
- ขาดทุน เอาไปลดหย่อนได้ไหม?
- ถ้าปีไหนเทรดแล้วเจ๊ง สามารถเอาผลขาดทุนจากการขายคริปโตฯ ในปีภาษีเดียวกัน มาหักลบกับกำไรจากการขายคริปโตฯ ในปีภาษีเดียวกันได้
- แต่เน้นว่าต้องเป็นธุรกรรมที่ทำผ่าน Exchange ที่ ก.ล.ต. คุมอยู่เท่านั้น
- คำนวณต้นทุนแบบไหน?
- กรมสรรพากรให้เลือกได้ 2 วิธี คือ วิธีเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO) หรือ วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost)
- เมื่อเลือกวิธีไหนแล้ว ต้องใช้วิธีนั้นไปตลอดทั้งปีภาษี จะเปลี่ยนใจกลางคันไม่ได้
สำหรับพวกที่ไปเล่นในโลก DeFi หรือเทรดบนแพลตฟอร์มที่ ก.ล.ต. คุมไม่ถึง เรื่องภาษียังโคตรจะเทาๆ อยู่ ต้องตามข่าวจากกรมสรรพากรให้ดี!
NFT, DeFi, และการขุดเหมืองในมุมกฎหมายคริปโต
- NFT: ซื้องานศิลปะดิจิทัล ผิดกฎหมายไหม? ก.ล.ต. ว่าไง?
- ก.ล.ต. จะดูเป็นเคสๆ ไปว่า NFT นั้นเข้าข่าย “สินทรัพย์ดิจิทัล” ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ หรือเปล่า
- ถ้า NFT มีลักษณะให้สิทธิในการลงทุน (เช่น ได้ส่วนแบ่งรายได้) ก็อาจจะเข้าข่ายเป็น “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน” ซึ่งการออกขายหรือเปิดตลาดต้องอยู่ใต้กฎหมาย
- แต่ถ้าเป็น NFT ที่เป็นแค่รูปภาพดิจิทัล ไม่ได้ให้สิทธิลงทุนอะไร ก็อาจจะไม่เข้าข่ายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องโดนคุมตาม พ.ร.ก. นี้ (แต่อาจโดนกฎหมายอื่น)
- ภาษี NFT
- ถ้าขาย NFT แล้วได้กำไร ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถ้าได้ NFT มาฟรีๆ เป็นรางวัล ก็ถือเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ต้องยื่นภาษีด้วย
- DeFi: โลกการเงินไร้ตัวกลาง แล้วกฎหมายไทยไปถึงไหน?
- สถานะทางกฎหมายของ DeFi ในไทยยังโคตรจะเทา ก.ล.ต. กำลังปวดหัวว่าจะเอากฎหมายไปคุมแพลตฟอร์มที่ “ไม่มีเจ้าของ” ได้ยังไง
- ความเสี่ยง DeFi ก็สูง ทั้งโดนแฮ็ก ช่องโหว่ Smart Contract หรือโดนโกงก็ไม่รู้จะฟ้องใคร แต่ถ้ากิจกรรมบางอย่างใน DeFi เข้าข่ายการทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลตาม พ.ร.ก.ฯ แล้วมีเอี่ยวกับไทย ก็อาจจะโดนกฎหมายไทยลากคอได้
- ก.ล.ต. มีการปรับกฎเกณฑ์เกี่ยวกับผู้จัดการกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอาจกระทบทางอ้อมต่อสถาบันที่อยากเล่น DeFi
- Crypto Mining: ขุดเพลินๆ ระวังไฟดูด (ทั้งตัวและเงินในบัญชี)
- การขุดคริปโทฯ เองไม่ได้ผิดกฎหมายในไทย ตราบใดที่ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายตังค์ถูกต้อง และไม่ขโมยทรัพยากรใคร
- ก.ล.ต. เตือนให้ระวังการลงทุนทำเหมืองขุดคริปโต เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใต้การควบคุมของใครในไทย และเสี่ยงโดนหลอกสูง
- สิ่งที่ผิดกฎหมายแน่ๆ คือ การขโมยไฟมาขุดคริปโต! อันนี้เป็นลักทรัพย์ มีทั้งจำทั้งปรับ อย่าหาทำ!
- รายได้จากการขุดเหรียญ ก็ต้องเสียภาษีด้วย
- พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ไม่ได้กำหนดว่า “การขุด” เป็นธุรกิจที่ต้องขอใบอนุญาต แต่ถ้าการทำเหมืองมีการระดมทุนจากชาวบ้าน ก็อาจเข้าข่ายต้องทำตามกฎ ICO หรือการจัดการกองทุนได้
อนาคตกฎหมายคริปโตในไทย จะไปทางไหนต่อ?
- โทเคนรัฐบาล (G-Token) มาแล้ว!
- เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (G-Token) ชื่อ “ไทยแลนด์ดิจิทัลโทเคน”
- เป้าหมายก็เพื่อเพิ่มช่องทางออม/ลงทุนให้ประชาชน และเป็นเครื่องมือระดมทุนของรัฐ ลงทุนขั้นต่ำ (เช่น 20,000 บาท) ผ่านมือถือ คาดว่าดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ ใช้บล็อกเชนตรวจสอบได้ ซื้อขายไว แต่ยังต้องระวังราคาผันผวนและความปลอดภัยของระบบ
- เงินบาทดิจิทัล (CBDC)
- ธปท. กำลังศึกษาและพัฒนา CBDC ทั้งแบบให้ชาวบ้านใช้ (Retail CBDC) และแบบให้สถาบันการเงินใช้ (Wholesale CBDC) ในอนาคตอาจได้เห็นการใช้เงินบาทดิจิทัลจริง ซึ่งอาจกระทบ Stablecoin ที่อ้างอิงเงินบาท หรือการใช้คริปโทฯ อื่นๆ จ่ายเงิน
- กฎระเบียบที่ต้องปรับตัวเสมอ
- ก.ล.ต. และผู้คุมกฎอื่นๆ มีการทบทวนและปรับปรุงกฎเกณฑ์อยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ทันเทคโนโลยีและตลาด เป้าหมายคือสร้างสมดุลระหว่างส่งเสริมนวัตกรรม คุ้มครองนักลงทุน และความมั่นคงของระบบการเงิน
บทสรุป กฎหมายคริปโตในไทย ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด (ถ้าเข้าใจ)
โลกคริปโตเต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย “กฎหมายคริปโตในไทย” ก็เพื่อสร้างกรอบกติกาให้ทุกฝ่ายทำอะไรได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม
แม้กฎจะดูซับซ้อน แต่หัวใจหลักคือคุ้มครองนักลงทุน และรักษาเสถียรภาพของระบบ ขอให้นักลงทุนทุกท่านศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ลงทุนด้วยความเข้าใจและความระมัดระวัง และอย่าลืม กำไรต้องเสียภาษีด้วย ไม่งั้นโดนย้อนหลังแล้วจะหาว่าไม่เตือน!
แหล่งที่มา
- https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/313-tsi-misunderstanding-of-investing-in-digital-assets
- https://www.sec.or.th/TH/Documents/ActandRoyalEnactment/RoyalEnactment/enactment-digitalasset2561.pdf
- https://monolith.law/th/it/nft-regulation
- https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2565/060165.pdf
- https://merkle.capital/articles/digital-asset-regulations
- https://old.parliament.go.th/ewtadmin/ewt/elaw_parcy/ewt_dl_link.php?nid=3048
- https://www.finnomena.com/z-admin/cryptocurrency-tax/
- https://today.line.me/th/v2/article/qogRXzx
- https://krungthai.com/th/about-ktb/corporate-governance/corporate-governance-aml-cft
- https://publish.sec.or.th/nrs/9520p_r.pdf
- https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035294
- https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1175776
- https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?SECID=11697
- https://siamblockchain.com/2025/01/03/tax-filing-for-thai-crypto-investor-2025/
- https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2564/070664.pdf
- https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?SECID=9708
- https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?SECID=11639
- https://www.sec.or.th/TH/Pages/News_Detail.aspx?NewsNo=064&NewsYear=2568&Lang=TH
- https://www.sec.or.th/TH/Template3/Articles/2568/100268.pdf